master

วัดริวโคจิ

วัดที่สร้างขึ้นในบริเวณซากลานประหารทาซึคุจิ เขตคาตาเสะของเมืองฟุจิซาวะ จ.คานางาวะ เจดีย์ห้าชั้นสร้างด้วยไม้แบบดั้งเดิมหนึ่งเดียวในจังหวัดและโบสถ์ขนาดมโหฬารได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในร้อยสิ่งก่อสร้างประจำคานางาวะ

ช่วงเช้าเวลาประมาณตีสองของวันที่ 13 กันยายน 1271 นักบวชนิจิเร็น(*1)ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในรัฐบาลทหารจากการหมิ่นประมาทนโยบายของรัฐบาลทหารคามาคุระ ถูกตัดสินประหารชีวิตที่ลานประหารทาซึโนะคุจิ(*2)แห่งนี้ ทว่า ในทันทีที่จะประหารชีวิต ได้บังเกิดแสงเจิดจ้าเรืองรองประหนึ่งพระจันทร์เต็มดวงมาจากเกาะเอโนะชิมะ เล่าขานกันว่าเหล่าเพชฌฆาตเกิดวิงเวียนจนไม่สามารถทำการประหารชีวิตได้ จึงเป็นอันยกเลิกการประหารชีวิตนักบวชนิจิเร็นในลานประหาร ทาซึโนะคุจิและกลายเป็นสิ่งที่ได้รับความเคารพยกย่อง นับแต่นั้นมา เรื่องที่เกิดขึ้นได้ถูกเรียกขานว่า “ผลกรรมทาซึโนะคุจิ” ภายหลังจากที่นักบวชนิจิเร็น (1222 – 1282) มรณภาพ (เสียชีวิต) เหล่าลูกศิษย์ของนักบวชนิจิเร็นจึงสร้างโบสถ์ขึ้นเพื่อเป็น “เครื่องหมายวิญญาณแห่งผลกรรมทาซึโนะคุจิ”ในปี 1337และมีการประดิษฐานรูปปั้นนักบวชนิจิเร็นและหินหนังสัตว์(*3)บนฐานตัดคอ ซึ่งนับเป็นจุดกำเนิดวัดริวโคจิ บนเขาจัคโค

*1.นักบวชนิจิเร็นเป็นพระภิกษุสงฆ์ของศาสนาพุทธในยุคคามาคุระ เป็นผู้ก่อตั้งนิกายนิจิเร็นซึ่งนับเป็นหนึ่งในศาสนาพุทธยุคคามาคุระ (ลัทธิฮกเกะ)
*2.ลานประหารทาซึโนะคุจิในตอนนั้นเป็นลานประหารสำหรับตัดคอนักโทษทั้งหมด
*3.การปูหนังสัตว์ลงบนหินรองนั่ง

ที่นี่ยังมีโบสถ์ขนาดใหญ่และเจดีย์ห้าชั้นสร้างด้วยไม้รูปแบบดั้งเดิมหนึ่งเดียวในจังหวัดซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในร้อยสิ่งก่อสร้างประจำจังหวัดคานางาวะอีกด้วย

master

ถ้ำหินอิวายะ, ระฆังริวเร็น, ท่าเรือเบ็งเท็นมารุ

มีสถานที่น่าเยี่ยมชมมากมายบนเกาะเอโนะชิมะ เช่น ถ้ำอิวายะซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของคลื่นทะเลนานนับปี, ระฆังริวเร็นซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งความรัก

ถ้ำหินอิวายะ

ถ้ำอิวายะซึ่งเกิดขึ้นจากการกัดเซาะของน้ำทะเลมานานปี ประกอบด้วยถ้ำส่วนแรก (ลึก 152 เมตร) และถ้ำส่วนที่สอง (ลึก 56 เมตร) ถ้ำอิวายะได้รับการนับถือมาแต่ครั้งโบราณ ในยุคเอโดะมีผู้มาสักการะมากมายในฐานะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในหมู่ผู้นับถือเทพีเบ็งไซเท็ง จนกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในที่สุด

ท่านสามารถเพลิดเพลินกับย่างก้าวแห่งวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของเกาะเอโนะชิมะจากสิ่งของที่แสดงให้เห็นมากมาย ตัวถ้ำแบ่งออกเป็นถ้ำอิวายะส่วนแรกและถ้ำอิวายะส่วนที่สอง อีกทั้งในถ้ำอิวายะส่วนที่สองยังมีทางเดินแยกเป็นซ้ายกับขวา ทางซ้ายลึกเข้าไปด้านในได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเส้นทางเชื่อมต่อกับ “ถ้ำน้ำแข็งนารุซาวะ” ซึ่งอยู่ในภูเขาไฟฟูจิ และทางขวาลึกเข้าไปด้านในเป็น “ต้นกำเนิดศาลเจ้าเอโนะชิมะ” นั่นเอง

กล่าวกันว่าเทพเบ็งไซเท็งปรากฏตัวขึ้นเมื่อพระอาจารย์คูไคมาสักการะและยังปรากฏตัวขึ้นเมื่อโชกุนมินาโมโตะ โยริโทโมะมาขอพรให้ได้รับชัยชนะในการศึก โดยปัจจุบันนี้รู้จักกันในฐานะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเกาะ

รูปปั้นหินที่ได้รับการบริจาคจากผู้ศรัทธาซึ่งจัดแสดงไว้ภายในถ้ำ ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันมีค่าอย่างมากในทางประวัติศาสตร์ และทางพื้นบ้าน

ข้อมูลแนะนำ:
ในบริเวณถ้ำส่วนแรก มีบริการแจกเทียน (ฟรี) ภายในถ้ำ ขอให้ท่านถือเทียนไว้ด้วยมือข้างหนึ่งและเพลิดเพลินกับการเดินเล่นภายในถ้ำหิน ภายในบรรยากาศมืดสลัว น่าตื่นเต้น

ค่าเข้าชม :
ผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป) 500 เยน
เด็ก (นักเรียนชั้นประถม) 200 เยน

ระฆังริวเร็น (Dragon’s Love Bell)

ถูกสร้างขึ้นในปี 1996 โดยอิงจากตำนาน “เทพธิดาและมังกรห้าหัว” ซึ่งได้กล่าวไปแล้วในหน้า “เกี่ยวกับเมืองฟุจิซาวะ” กล่าวกันว่าหลังจากลั่น “ระฆังริวเร็น” แล้ว ให้คล้อง “กุญแจที่เขียนชื่อของทั้ง 2 คน” ไว้ที่รั้วเหล็กใกล้ๆ จะทำให้รักนิรันดร์สมปรารถนา นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์อีกด้วย

ท่าเรือเบ็งเท็นมารุ

เรือชมวิวที่เชื่อมต่อจากคอสะพานเอโนะชิมะเบ็งเท็นไปจนถึงชายหาดจิโกงาบุจิ ท่านสามารถเพลิดเพลินกับการล่องเรือในทะเล 10 นาที และชมวิวภูเขาไฟฟูจิในวันที่อากาศแจ่มใสได้ด้วย นับว่าสะดวกแก่ผู้ที่มายังถ้ำหินอิวายะในเกาะเอโนะชิมะอย่างมาก

เวลาเรือออกไม่แน่นอน กรุณาตรวจสอบอีกครั้งในวันเดินทาง

ค่าโดยสาร:
ผู้ใหญ่ (นักเรียนมัธยมต้นขึ้นไป) 400 เยน
เด็ก (อายุ 6 ปีขึ้นไป) 200 เยน

เว็บไซต์ทางการ

master

ศาลเจ้าเอโนะชิมะ

ศาลเจ้าเอโนะชิมะได้รับการก่อสร้างตัวศาลในถ้ำหินด้วยพระบรมราชโองการจากสมเด็จพระจักรพรรดิคินเมย์ในปีค.ศ. 552 ปัจจุบันมีการเรียกรวม 3 ศาลซึ่งได้แก่ ศาลเฮทสึมิยะ, ศาลนากาทสึมิยะ, ศาลโอคุทสึมิยะว่า ศาลเจ้าเอโนะชิมะ จนกลายเป็นศาลเจ้าเอโนะชิมะด้วยการเผยแผ่ของพุทธศาสนาและลัทธิชินโตในสมัยเมจิ

ประตูโทริอิทองสัมฤทธิ์

เมื่อข้ามสะพานเอโนะชิมะเบ็นเท็มบาชิก็จะพบกับประตูโทริอิทองสัมฤทธิ์ในทันที เดิมทีประตูนี้สร้างด้วยไม้ แต่ในปี 1821 ถูกสร้างใหม่ด้วยทองสัมฤทธิ์ โดยชื่อของผู้ที่มาทำบุญจะถูกสลักเอาไว้บนนั้น ประตูนี้ได้รับเลือกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมประจำเมืองฟุจิซาวะ

ถนนเบ็งไซเท็งนากามิเสะ

ตั้งแต่ประตูโทริอินี้ไปจนถึงประตูโทริอิสีแดงที่หน้าประตูซุยอิงมงจะเรียงรายไปด้วยร้านอาหาร, ร้านขายของที่ระลึก, เรียวกังจนถึงหน้าประตูศาลเจ้าเอโนะชิมะ ผู้คนเรียกที่นี่ว่าถนนเบ็งไซเท็งนากามิเสะ

ประตูเทพเจ้าแห่งศาลเจ้าเอโนะชิมะ

ถูกสร้างขึ้นด้วยรูปแบบวังมังกรและถูกเรียกขานว่า “ประตูซุยอิงมง” ซึ่งเป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อให้ผู้มาเยี่ยมเยือนสักการะศาลเจ้าด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์

หอโฮอันเด็ง

หอโฮอันเด็งที่ประดิษฐานอยู่ข้างพระบรมมหาราชวังมีต้นแบบมาจากหอยูเมะโดโนะของวัดโฮริวจิใน จ.นาระ จากนั้นจึงมีการเพิ่มเทพีเบ็งไซเท็งปางแปดหัตถ์ที่มีการเล่าขานกันว่าโชกุนมินาโมโตะ โยริโทโมะให้การสักการะในช่วงปีจูเช (ปี 1182) และเทพีเบ็งไซเท็งปางดีดพิณซึ่งได้รับการนับถือในยุคเอโดะ

*การบูรณะซ่อมแซมได้แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2015

เวลาเข้าชม: 08:30-16:30 น.
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 150 เยน / นักเรียนมัธยม 100 เยน / เด็ก 50 เยน

เทพีเบ็งไซเท็งปางดีดพิณ

รูปปั้นปางร่างเปลือยหรือที่นิยมเรียกกันว่า “เบ็งไซเท็งปางร่างเปลือย” เป็นรูปปั้นที่แสดงสัญลักษณ์ของเพศหญิง คาดกันว่าถูกสร้างขึ้นในช่วงกลางของยุคคามาคุระ โดยรูปปั้นเปลือยเป็นเทคนิคประติมากรรมที่โดดเด่นของคามาคุระ ทั้งนี้ยังรู้จักกันดีในฐานะเทพแห่งอักษรศาสตร์ นาฏกรรม และดนตรี

เบ็งไซเท็งคือใคร ?
ศาลเจ้าเอโนะชิมะได้รับการกล่าวขานว่าเป็น 1 ใน 3 ศาลเจ้าเบ็งไซเท็งที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นร่วมกับศาลเจ้ามิยาจิมะแห่ง จ.ฮิโรชิมะ, ศาลเจ้าจิคุบุชิมะแห่ง จ.ชิกะ
เบ็งไซเท็ง เดิมทีแล้วเป็นเทพเจ้าแห่งน้ำของอินเดีย ส่วนญี่ปุ่นเริ่มนับถือเทพีเบ็งไซเท็งมาตั้งแต่ยุคนารา

เทพีเบ็งไซเท็งปางแปดหัตถ์ (รูปปั้นไม้แกะสลักเทพีเบ็งไซเท็งหลากสี)

บริเวณพระเศียรมีเทพอุงาจินสถิต พระหัตถ์ทั้งแปดถือธนู, ลูกศร, ดาบ, แก้วหยดน้ำ, จักร, หอก, ตรีศูล, กุญแจ ซึ่งเทพีเบ็งไซเท็งปางแปดหัตถ์ถือเป็นประเภทเก่าแก่ที่สุดเป็นหนึ่งใน “เทพแห่งโชคลาภทั้งเจ็ด” และรู้จักกันดีในฐานะเทพีแห่งสงคราม

ตราประจำศาลเจ้าเอโนะชิมะมีการอ้างอิงตำนาน
“ตุลสามส่วน” ซึ่งแสดงถึง “ตุลสามส่วนในวงคลื่น”
อิงจากบันทึก “ไทเฮกิ” ในตอนที่ขุนพลโฮโจว โทคิมาสะซึ่งปกครองรัฐบาลทหารคามาคุระในปีเคงคิวที่สาม (ปี 1190) มา*สักการะถ้ำแห่งเอโนะชิมะ (ปัจจุบันคือถ้ำอิวายะ) เพื่อขอให้ลูกหลานเจริญรุ่งเรือง ก็ปรากฏเทพีเบ็งไซเท็งขึ้นในคืนครบกำหนดขอพร เทพีเบ็งไซเท็งให้สัญญาว่าจะทำให้พรที่โทคิมาสะขอเป็นความจริงก่อนจะกลายร่างเป็นงูยักษ์และหายตัวไปในท้องทะเล เหลือทิ้งไว้เพียงตุลสามส่วน โทคิมาสะจึงใช้มันเป็นตราประจำตระกูล

*การสักการะขอพรกับศาลเจ้าหรือวัดเพื่อขอพรในช่วงระยะเวลาหนึ่ง