แนะนำ 5 ร้านเด็ดในเอโนะชิมะ

เมนูอาหารกลางวันที่แนะนำมีหลายเมนูด้วยกัน เช่น “ปลาท้องถิ่นราดพริกรสเผ็ดหวาน”, “คามาอาเกะ ชิราสึด้ง” และ “ข้าวหน้าปลารมควันแบบโฮมเมคราดเนยไหม้ โฮโรโฮโรด้ง” เป็นต้น แต่หลังจากใคร่ครวญอยู่พักใหญ่ก็ตัดสินใจสั่งเมนู “มาคาไนด้ง” คือ เนื้อปลานาเมะโรสับ ปรุงรสด้วยซอสมิโซะ ทานคู่กับน้ำซอสงาสูตรลับของทางร้าน ถือเป็นเมนูขึ้นชื่อเพราะเคยได้รับรางวัลเหรียญทองจากการประกวดเมนูด้งหรือข้าวหน้าต่างๆ ระดับประเทศ ประเภทข้าวหน้าอาหารทะเลมาแล้วหลายครั้ง

และดูเหมือนว่าเมนูปลาของที่นี่จะเปลี่ยนชนิดไปตามแต่ละวัน เช่นวันนี้ที่เรามาทานปลาหลักๆ ที่ทางร้านเลือกใช้ก็จะมี ปลานาเมโร ปลาคัมปาจิ ปลาเมะได และปลามะได ช่วงเช้าเวลา 8:00-10:30 น. จะเสิร์ฟเมนูอาหารเช้า “ข้าวหน้าไข่ดิบราดซอสเคี่ยวปลาคินเมะได” เป็นข้าวหน้าไข่ดิบที่เพิ่มรสชาติด้วยน้ำซุปที่ต้มปลาคินเมไดแทนการใช้ซีอิ๊ว กินคู่กับปลาโอแห้งที่ขูดกันแบบสดๆ ตรงหน้าให้กินหอมชวนหิวเป็นอย่างดี ส่วนไข่แดงก็สดใหม่น่าประทับใจขนาดที่ใช้ตะเกียบคีบขึ้นมาไข่แดงก็ยังไม่แตกออกจากกันเลย

ร้านขนมที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี ว่ากันว่าร้านนี้เปิดทำการในปีค.ศ. 1912 พร้อมกับการเปิดเดินรถไฟสาย Eno-den เลยที่เดียว และยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ของประเทศ และในปีค.ศ. 1949 ก็ยังได้รับการยอมรับให้เป็นขนมขึ้นชื่อจังหวัดคานากาว่าอีกด้วย เมื่อเร็วๆ นี้เพิ่งมีการปรับปรุงร้านใหม่ จัดสรรพื้นที่บางส่วนให้ดูเป็นคาเฟ่ทันสมัย แต่ก็ยังคงรักษาบรรยากาศความเก่าแบบดั้งเดิมเอาไว้

ที่ Tamaya Cafe คุณสามารถเพลิดเพลินกับชาเย็น ไซเดอร์เอโนชิมะ เค้ก มัทฉะทีรามิสุ และอื่นๆ อีกมากมาย ในวันนี้เราได้สั่ง “ชุดขนมโยคัง” (600 เยน) ซึ่งประกอบด้วยมัทฉะในราคา 400 เยน + ขนมโยคัง 2 ชิ้น.ในราคาเพียง 200 เยน มัทฉะสีเขียวสวยบวกกับกลิ่นหอมๆ ของชาเขียวแท้ๆ ช่วยปลอบประโลมใจได้เป็นอย่างดี ขนมโยคังที่เสิร์ฟมาประกอบด้วยโยคังสาหร่ายและโยคังเกาลัด
โนริโยคัง หรือโยคังสาหร่ายเป็นเมนูพิเศษของทางร้าน Tamaya โดยใช้ผงอาโอโนริ (สาหร่ายสีเขียว) ที่หารได้เอโนชิมะผสมลงในถั่วขาวกวน สาหร่ายให้กลิ่นหอมสดชื่นของทะเลและมีรสหวานจากถั่วขาวบด โนริโยคังถือเป็นขนมที่หาทานยาก ส่วนคุริโยคัง หรือ โยคังเกาลัด จะผสมเกาลัดสับลงไปด้วยให้รสชาติดั้งเดิมสุดดคลาสสิก ขณะที่กำลังเพลิดเพลินกับชาเขียวมัทฉะ เมื่อหันมองไปรอบๆ ร้าน ก็ได้พบว่ามีห้องส่วนตัวอยู่ด้านหลังของร้านด้วย

ที่ร้านนี้ไม่จำเป็นต้องจองมาก่อนล่วงหน้า หากมาในช่วงเวลาพอเหมาะพอดีมีที่ว่างก็สามารถเข้ามาทานขนมพร้อมจิบชาในสไตล์ญี่ปุ่นได้เลย และสิ่งที่ห้ามพลาดอีกอย่างของร้านนี้ก็คือขนมโยคังสอดไส้เกาลัดทั้งลูก ของฝากจากเอโนะชิมะสุดหรูที่ใครมาก็ต้องซื้อหาติดไม้ติดมือกลับไป

ไก่ทอดของร้านนี้เลือกใช้ไก่สาวที่เลี้ยงในประเทศ โดยส่วนใหญ่มาจากจังหวัดอิวาเตะ เมื่อทานตอนที่ทอดเสร็จใหม่ๆ ร้อนๆ รสชาติแน่นอนว่าอร่อยอยู่แล้ว แต่ที่ทำให้ร้านนี้ดังขึ้นมาคงเป็นเพราะเมื่อทิ้งจนเย็นแล้ว รสชาติของไก่คาราอาเกะก็ยังอร่อยอยู่ดี เนื้อไก่ถูกหมักด้วยกระเทียม โชยุ และส่วนผสมอื่นๆ เกิน 10 อย่างที่มีทั้งผลไม้และเครื่องเทศจนได้เป็นซอสสูตรออริจินอลของทางร้าน ใช้น้ำมันถั่วเหลืองสำหรับทอด ส่วนแป้งที่ชุบทอดทำมาจากแป้งมันฝรั่งธรรมชาติ 100% ที่ได้จากมันฝรั่งที่ปลูกในฮอกไกโด ทำให้แป้งด้านนอกกรอบ แต่เนื้อข้างในยังชุ่มช่ำ รสชาติของซอสมีให้เลือก 4 แบบ ได้แก่ ซอสโชยุเผ็ดหวาน, ซอสน้ำส้มสายชูดำนัมบัง, ซอสต้นหอมแบบจีนยูรินจี และซอสเผ็ดแบบเกาหลียังนยอม แต่สำหรับครั้งนี้เราลองสั้งแบบธรรมดามาลองทานดู

เมื่อซื้อแล้วสามารถยืนทานได้เลยที่เคานท์เตอร์บาร์ของร้าน แต่ทางด้านหลังของร้านนั้นติดกับท่าเรือประมงนิชิอุระ อีกหนึ่งจุดชมวิวลับๆ ของเกาะเอโนะชิมะ ว่าแล้วเราก็เลยสั่งไก่ทอด และน้ำมะนาวเลมอนเนดแบบเทคเอาต์ และหิ้วไปกินที่ริมหาด การได้ทานไก่ทอดไปพร้อมๆ กับชมวิวเรือสำราญที่แล่นผ่านไปมานั้นช่างยอดเยี่ยมจริงๆ

เมื่อขึ้นไปบนประภาคาร ซี แคนเดิล ที่ตั้งอยู่ในสวน คุณจะได้เห็นทัศนียภาพอันงดงามของทะเลโชนัน บนชั้น 2 มีโซฟาและที่นั่งแบบเคาน์เตอร์บนระเบียงไม้ขนาดใหญ่ ให้คุณได้มีช่วงเวลาผ่อนคลายอย่างสงบได้ที่บริเวณนี้

LONCAFE ที่ตั้งอยู่ภายในซามูเอล ค็อกกิ้ง การ์เด้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบขนมหวาน! เปิดทำการในปี 2003 และถือเป็นร้านเฟรนช์โทสต์แห่งแรกในญี่ปุ่น เป็นร้านกาแฟมีสไตล์ ตั้งอยู่บนทำเลที่ยอดเยี่ยมที่มองเห็นอ่าวซากามิได้ สัมผัสสายลมโชนันจากที่นั่งบนระเบียงแบบเปิดโล่ง ให้คุณสัมผัสบรรยากาศราวกับได้มาพักผ่อนในรีสอร์ทริมทะเลได้จากคาเฟ่เล็กๆ แห่งนี้

เมนูเด็ดของที่นี่จะเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากเฟรนช์โทสต์ ที่ข้างนอกกรุบกรอบแต่ข้างในยังนุ่มนิ่มหวานฉ่ำ ท็อปปิ้งก็มีให้เลือกหลากหลาย และมีตัวเลือกที่น่าสนใจมากกว่า 10 อย่าง เช่น “ซอสขาวทรัฟเฟิลดำ” และ “คาราเมลกล้วย” ที่แต่ละวันทำขายในจำนวนจำกัด ทีแรกก็ลังเลนิดหน่อยว่าจะสั่งเมนูไหนดี แต่สุดท้ายก็เลือกสั่ง “ไส้พายแอปเปิ้ลและชีสกอร์กอนโซล่า” ในราคา 1,450 เยน แอปเปิ้ลเคี่ยวรสหวานและชีสกอร์กอนโซล่ารสเค็มเข้ากันได้อย่างลงตัว ให้เราได้มีช่วงเวลาพักผ่อนที่หรูหรา

ที่นั่งด้านในติดริมกระจก มองเห็นวิวทะเลทุกที่นั่ง ในวันที่อากาศแจ่มใส เราขอแนะนำให้ที่นั่งบนระเบียงที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับลมจากทะเลที่โชยมาเบาๆ ด้านหน้าของคุณคือสวนสาธารณะบนดาดฟ้าไม้และชายหาด ที่ซึ่งคุณสามารถดื่มด่ำกับมื้ออาหารแสนอร่อยพร้อมชมทะเลไปด้วย

มีเมนูอาหารและเครื่องดื่มมีเยอะมากจนตัดสินใจลำบาก แต่ก่อนอื่นเลยขอเลือกเมนูสลัดแคริบเบียนที่ใส่อาหารทะเลมาให้แบบจัดเต็ม น้ำสลัดสูตรดั้งเดิมของร้านนี้มีชื่อเสียงมายาวนาน แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพัฒนาสูตรของน้ำสลัดที่ลดเปรี้ยวลงเพื่อให้เข้ากันกับรสชาติของแอลกอฮอล์ เมนูถัดมาที่สั่งคือพียดิน่าม้วนไส้ปูนิ่ม เมนูดังของอิตาลี ปูเนื้อนิ่มที่เพิ่งลอกคราบนำไปทอด ห่อด้วยแป้งเพียดิน่า (ขนมปังไร้เชื้อจากแคว้นโรมัญญาของอิตาลี) พร้อมซอสพิเศษ 2 ชนิดและผักใบเขียว แล้วรับประทานด้วยมือ กลิ่นหอมมาก รสชาติอร่อยลงตัว

เมนูที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นที่น่าสนใจก็มี เช่น” ไก่ชาโมะฟูจิซาว่าย่าง กับผักสมุนไพรของฟูจิซาว่า” และ “กราแตงใส่ไข่ของไก่ชาโมะฟูจิซาวะ” แต่ที่เราสั่งมาคือ “สลัดสาหร่ายพวงองุ่นกับปราชิราสึ จากทะเลโจโกะ ราดด้วยน้ำสลัดเคียนติ” สาหร่ายพวงองุ่นป็นสาหร่ายชนิดหนึ่งที่ในญี่ปุ่นสามารถเก็บเกี่ยวได้เฉพาะในโอกินาว่าเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าที่โจโกะ เมืองฟูจิซาวะจะประสบความสำเร็จในการปลูกสาหร่ายพวงองุ่นด้วย ดังนั้นเราจึงได้เพลิดเพลินกับรสสัมผัสที่กรุบกรอบของสาหร่ายชนิดนี้ได้แม้จะอยู่ในเขตคันโต

เมื่อเราทานอาหารเสร็จ พระอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว ภาพเงาของภูเขาไฟฟูจิที่มองเห็นได้ทั่วชายหาดในเวลาพลบค่ำเป็นทิวทัศน์อันงดงามน่าประทับใจ